รีไวล์กำลังให้น้ำม้าอยู่ ตอนที่มีเสียงโหวกเหวกโวยวาย
ตามปกติ ช่วงที่พักก่อนจะออกนอกกำแพงในวันพรุ่งนี้ ทุกอย่างควรจะเงียบสงบ
ทุกคนควรได้ใช้เวลาในแบบที่ตัวเองอยากใช้ เช่น เขา ทำความสะอาดเรียบร้อยหมดแล้วทุกอย่าง
แต่ยังยกเว้น พาหนะสี่ขาที่เขาจำเป็นต้องมั่นใจว่าสะอาดปราศจากสิ่งโสโครกไม่พึงประสงค์ ก่อนที่มันจะเข้าไปอยู่กลางหว่างขาของตัวเองเขาอยากมั่นใจก่อนว่ามันสุขภาพแข็งแรงดีพอด้วย
ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจตกต่ำเช่นนี้จนทหารต้องแบ่งน้ำตาลก้อนกับม้ากิน เขาจำเป็นต้องเพิ่มปริมาณหญ้าให้เยอะขึ้นต่อวัน เพราะอย่างน้อย ก็ไม่มีคนมาแย่งมันกิน และ ไม่มีราคาอะไรเลยอีกด้วย
รีไวล์ยืนมอง เขาพอใจ อย่างน้อย ม้าหนุ่มตัวนี้ก็กินทุกอย่างที่เขาเทลงในรางอย่างไม่เกี่ยงงอน
"รีไวล์ๆ นายมานี่หน่อยซี่"
เสียงหนึ่งที่คุ้นเคยดังข้ามฟากมา ยัยแว่นกระหายเลือดนั่นเสียงแปดหลอดจริงๆ
ขนาดอยู่อีกฟากของรั้วไม้ เขายังได้ยินชัดเจน เขามองไปตามเสียง พบว่าลูกหน่วยของฮันซี่ และ ของเขา กำลังยืนล้อมรอบอะไรบางอย่างอยู่ เขามองไม่เห็นชัด แต่ก็เดินไปตามเสียงนั้น
ฮันซี่ฉีกยิ้มอย่างฉับพลัน ตามสัญชาตญาณ เขารู้สึกเหมือนว่าบรรยากาศความเครียดอ่อนๆกำลังปกคลุมเหนือหน่วยฮันซี่ในตอนนั้น แต่ดูเหมือนเจ้าตัวกำลังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
"นายจำเอลิซาเบธได้ม้าาาาาาา"
ใคร? รีไวล์คิด เขาจำไม่ได้แม้แต่น้อย
ผู้หญิงคนนั้น มีผมยาวสีทอง สวมกระโปรงแบบสาวชาวบ้าน หน้าตาไม่คุ้นเลยซักนิด
การบอกว่า ตนไม่รู้จักอีกฝ่ายคงทำไม่ได้ เพราะหญิงสาวมองเขาอย่างเทิดทูนบูชาเหลือประมาณ และจะเป็นการเสียมารยาท
ด้วยเรื่องอะไรล่ะ? ...
เขาเคยไถเงินจากแม่นี่หรือเปล่า?
เขาถองฮันซี่ ขณะที่ผู้หญิงคนนั้นกำลังหันไปหานิฟา
"จำไม่ได้เหรอ...เอลิซาเบธคนนั้นไง เคยอยู่หน่วยฉันอ้ะ แล้วก็ชอบพอ ท้องกับใครซักคน
เลยลาออกไปแต่งงานไง นายเคยช่วยชีวิตเขาตอนภาระกิจสุดท้ายด้วยนี่"
ออ...ถึงอย่างนั้น รีไวล์ก็จำไม่ได้อยู่ดี...เคสอย่างนี้มีออกบ่อยไป
พวกทหารผู้หญิงก็มักจะเป็นเสียอย่างนี้ ไม่มีใครอยากจะอยู่ที่นี่นานหรอกหากมีทางเลือกอื่น
ท้องกับทหารด้วยกันไม่ก็ใครซักคน แล้วก็แต่งออกไปมีครอบครัว
อย่างที่คนอื่นๆเขาทำกัน
"เขาคลอดแล้ว เมื่อครึ่งปีก่อนหน้านี้อ่ะ แข็งแรงดีแล้ว เลยกลับมาเยี่ยมเพื่อนๆไง เขาอยากมาเจอนายด้วยนะ"
"หัวหน้าทหารรีไวล์คะ"เอลิซาเบธหันหน้ามา "คือ ฉัน..."
เขาพยักหน้าให้ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรกับคนที่จำไม่ได้...
เธออุ้มเด็กทารกมาด้วย
รีไวล์ขมวดคิ้วมุ่น ให้ตายสิ เด็กทารก ...
ที่นี่ไม่ใช่ที่สำหรับเด็กทารก เหมือนสิ่งมีชีวิตประหลาดยับยู่ยี่มีผมสีทองที่รีไวล์ที่เขาไม่เคยเห็นมานานแล้ว
แต่ทันใดนั้น ฮันซี่ก็ผลักเขาออกไปด้วยมือข้างเดียว
"ม่ายยยยยยย ให้ชั้นอุ้มรีไวล์ก่อน เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอลิซซี่" ฮันซี่ร้อง
"อ้อ นี่ค่ะ" เอลิซาเบธนึกขึ้นได้ เธอทำหน้าตาประหลาดนัก แล้วก็ยื่นเด็กให้กับฮันซี่ซึ่งรออยู่ก่อนแล้ว
ฮันซึ่นั่งบนรั้วไม้
นิฟาเข้าไปคุยกับเอลิซาเบธ ทำให้รีไวล์ปลีกตัวออกมานั่งข้างฮันซี่ได้สำเร็จ
"นี่มันอะไรกัน"
"เขาตั้งชื่อลูกตามคนที่ช่วยชีวิตเขาไง ลิซซี่นี่ แฟนเบอร์หนึ่งของนายเลยนะ ยะฮู้ "
เขาเริ่มจำได้แล้ว เด็กหญิงผมบลอนด์สั้นเต่อ ที่มักแอบมองเขาแล้วหน้าแดงอยู่เสมอๆ
แต่แล้ว วันหนึ่ง รีไวล์ช่วยชีวิตเธอได้อย่างฉิวเฉียด และในอีกวัน ก็มีข่าวที่ไม่น่าพิศมัย ว่ามีทหารผู้หญิงคนหนึ่งตั้งท้องคงเป็นคนนี้แหละ...
รีไวล์ไม่ยินดียินร้ายกับข่าวนี้ มันก็ดี ที่เธอไปเสียได้ ไปใช้ชีวิตในแบบที่คนอื่นๆไม่เคยได้ใช้
แปลกแต่จริง หลังจากเข้าหน่วยสำรวจมา เขาก็ไม่เคยคิดฝันถึงชีวิตอย่างอื่นนอกจากการเป็นหัวหน้าทหารเลย
แล้วพวกเด็กๆจะเป็นอย่างไร ถ้าเขาออกไปทำอะไร "แบบนั้น" บ้าง
...เขามองตามฮันซี่ ซึ่งกำลังโยนรีไวล์(อีกคนที่หัวสีบลอนด์)ขึ้นไปบนอากาศ สูงสองสามเมตรเหนือหัวพวกเขา ถ้าเป็นคนธรรมดาโยน เด็กทารกคงหล่นลงมา และโดนรั้วเสียบทะลุแน่
แต่ฮันซี่ผู้สามารถหลบไททั่นพ้นแบบเส้นยาแดงผ่าแปดหลายครั้ง ก็สามารถรับไว้อย่างนุ่มนวล
หากแม่ผมบลอนด์ที่ชื่อลินดี้อะไรนั่นมาเห็นคงหัวใจวายตาย...
โชคดีที่เธอยังคงคุยติดพันกับเพทโทร่าอยู่ แต่ออลโอที่บังเอิญหันมาเจอชอตนั้นเผลอกัดลิ้นตัวเองโดยไม่ได้ตั้งใจ..
แต่เด็กชายไม่ร้องไห้เลย กลับหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอีกต่างหาก ตอนที่ฮันซี่จับขาข้างหนึ่งไว้ แล้วปล่อยให้ห้อยหัวลงมา
อย่าให้แม่เด็กเห็นจะดีกว่า...
"รีไวล์ ดูดิ อารมณ์ดี น่ารักมากๆเลยอ่าา"
"เอามา เอาเด็กมานี่เลย ยัยสี่ตา ก่อนที่แกจะฆ่าเขา"
"เอาไปเลย"
เขายื่นมือออกไปรับ แต่ดูเหมือนเขาจะลืมบางอย่าง
ทันทีที่ตาสีฟ้านั่นสบกับเขา มันก็เหมือนฝันร้าย
เด็กน้อยร้องไห้จ้าทันที ...
เขาไม่ชอบเสียงเด็กร้องโยเย และ เขาเห็นภาพตัวเองฉายชัดในดวงตานั้น คงดูเหมือนปีศาจร้ายแน่ๆ
เพราะเด็กน้อยซุกตัวเข้าหาฮันซี่หนึบไม่ยอมปล่อย
'คนที่แกควรจะกลัวจริงๆ น่ะมันไอ้แว่นนั่นตะหาก นั่นน่ะ มันคนที่เสียบไททั่นด้วยขวากเป็นงานอดิเรกนะ' เขาคิด
"โอยโหย๋ รีไวล์ นายนี่ท่าจะอาการหนักละแฮะ ชั้นบอกนายแล้วไงว่า ต้องหัดยิ้มบ้าง" ฮันซี่เปลี่ยนมันให้กลายเป็นเรื่องตลกอย่างง่ายดาย แล้วกอดปลอบเด็กชาย
"โอ๋ อะ โอ๋ นะ หนุ่มน้อย เดี๋ยวฉันจะพานายเข้าไปเจออะไรสนุกๆกับพวกไททั่นทดลองนะ เนี่ยยย พึ่งจับมาล็อตใหม่เลยนะ"
"จะบ้าเรอะ!!!ส่งมานี่ เร็วสิ ฮันซี่" เขาขู่ฟ่อ
"ไม่!!! เรื่องอะไร รีไวล์ไม่ชอบนายซักหน่อย รีไวล์จะอยู่กับฮันซี่ ใช่ไหม เนอะ รีไวล์น้อย"
ฮันซี่เอาจมูกแตะกับจมูกของเด็กน้อยแล้วส่ายหัวไปมา รีไวล์อีกคนหัวเราะกรี๊ดๆกับสัมผัสที่คงจั๊กจี้น้อยๆ
ฟังดูประหลาดเต็มที เขาทวนประโยคนั้นในใจ ...รีไวล์จะอยู่กับฮันซี่ ...รีไวล์จะอยู่กับฮันซี่
ชายหนุ่มไม่คิดว่าประโยคนี้จะเป็นอะไรที่ฟังเข้าท่า
"ไม่ยักกะรู้ว่าเธอชอบเด็ก" เขาพูด "ทั้งๆที่เป็นพวกใจทมิฬหินชาติที่ชอบเรื่องแหยงๆแท้ๆ"
"เฮ้ หนวกหูน่ะ นายไม่รู้หรอก ว่าพวกไททั่นกับเด็กๆน่ะเหมือนกันจะตาย"
"เหมือนยังไง แค่ไซส์ก็คนละชั้นแล้ว"
"เหมือน เพราะพวกเขาบริสุทธิ์ยังไงเล่า"
รีไวล์กรอกตา
"สมมติฐานที่ 178 ของฉัน บอกว่า ไททั่นอาจจะไม่ได้อยากจะกลายเป็นไททั่นซักหน่อย พวกเขาอาจจะเสียความทรงจำไปหลังจากนั้น...จนทำให้ โฮ่ววว นายกำลังทำลายวันที่แจ่มใสของฉันกับรีไวล์หนุ่มนะ" ฮันซี่กอดรีไวล์อีกคนแนบอก ราวกับจะป้องกันเด็กจากสัตว์ร้าย
"โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะ เค้าแค่พูดเล่น"เธอทำท่าปลอบประโลมหลอกๆใส่ใบหน้ายิ้มแย้มใคร่รู้ของทารก
"เธอทำลายตัวเองมากกว่าพูดให้มันถูก" รีไวล์พูด
"แกไม่คิดจะออกเรือนไปมีไอ้ตัวแบบนี้เป็นของตัวเองหรือไง จะได้อุ้มซะให้พอยังไงล่ะ ถ้าชอบนักล่ะก็"
"เห ฉันเรอะ..." ฮันซี่ก้มหน้าลง ซ่อนหน้าไว้ใต้ผมสีน้ำตาลยุ่งเหยิง รีไวล์อีกคนท่าทางดีใจเมื่อมือป้อมๆได้สัมผัสกับผมของเจ้าหล่อน เด็กชายดึงทึ้งผมของฮันซี่อย่างรักใคร่ ผมของหญิงสาวสยายลงมา
"ไม่หรอก ฉันไม่มีทางจะไปมีความสุขได้หรอก ถ้าเรื่องยังไม่จบน่ะนะ ฉันจะสู้จนถึงที่มนุษย์เราสามารถมีชีวิตอยู่โดยปราศจากการต่อสู้ได้ ฉันอยากจะสร้างโลกใหม่ที่เขาจะอยู่ได้อย่างอิสระน่ะ"
ฮันซี่เงยหน้าขึ้น สายลมฤดูใบไม้ร่วงพัดมาจากไหนก็ไม่รู้ ทำให้ผมสีเข้มปลิวไป แต่ดวงตานั้นกลับมองไปข้างหน้า ข้ามไปยังดินแดนแสนไกลนอกกำแพง ทิ้งรีไวล์และผู้คนที่อยู่รายรอบไปโดยแม่แยแสสักนิด
แต่แล้วหญิงสาวก็ยักไหล่ กอดรีไวล์อีกคนแล้วหมุนตัวไปด้วย
ร้องเพลงเก่าๆด้วยเสียงหึ่งๆที่เขามักได้ยินเธอร้องกล่อมพวกไททั่น เขามักจะบอกว่ามันดูวิกลจริต
แต่หนนี้ เขารู้สึกถึงความถูกต้อง เพลงนั้นเป็นเพลงกล่อมเด็กนั่นเอง
รีไวล์นิ่งเงียบ ตอนนี้แม้แต่การจ้องมองหญิงสาวโดยตรงเขาก็ยังทำไม่ได้ มันเหมือนจ้องมองแสงสว่างจัดจ้า
เขาไม่เคยคิดถึงสิ่งที่จะทำหลังจากทุกอย่างสิ้นสุดเลย
เขาคิดว่าไม่มีเหตุผลให้ต้องคิด
การคิดอะไรนอกเหนือจากปัจจุบันนำพามาแต่เรื่องยุ่งยาก
แต่การนึกถึงอนาคตโดยนำมาเป็นแรงผลักดันให้ตัวเองก้าวต่อไปในแต่ละวันนั้นเล่า
ก็เป็นเรื่องที่เขาไม่ได้นึกถึงมาก่อน
"เป็นผู้หญิงที่ดีนะคะ คุณฮันซี่น่ะ" เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างๆเขา แม่ผมบลอนด์ที่เป็นแม่ของรีไวล์อีกคนนั่นเอง เขาพยักหน้าเอื่อยๆแบบไม่ผูกมัดตัวเอง
"ฉันชื่นชมทั้งคุณและเธอมาตลอดเลย"
เขามองเธอ แล้วเลิกคิ้ว หล่อนมาคุยกับเขาด้วยเรื่องนี้ทำไมเขาก็ยังไม่เข้าใจจุดประสงค์อยู่ดี เธอยังคงมีใบหน้าสีชมพูขณะที่จ้องมองเขาเปลี่ยนไป มันทำให้ชายหนุ่มอึดอัด และ ถ้าดูไม่ผิด
หญิงสาวมีท่าทางทุกข์ใจราวกับแบกโลกไว้บนบ่า มองจากด้านข้าง ใบหน้าก็โทรมมาก เหมือนคนที่ร้องไห้วันละหลายรอบ
"เธอต้องเป็นคุณแม่ที่ดีแน่นอนเลยค่ะ"
เขาพ่นลมหายใจทางจมูกดังพรืด ค้อมหัวลงหน่อยหนึ่ง เขาไม่รู้จะพูดอะไรกับผู้หญิงที่แทบจำหน้าไม่ได้ แม้เขาจะ
เคยช่วยชีวิตหล่อนไว้ก็ตาม เขากำลังรอ รอให้เธอพูดในสิ่งที่อยากพูดจริงๆเสียที
สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผู้หญิง ช่างมีการส่งรหัสและแปลรหัสที่ล้ำลึกเกินความคาดเดาเสียเหลือเกิน
สายลมพัดแผ่วๆ เขาได้กลิ่นที่แทบจะจางมาก โชยออกมาจากตัวหล่อน เป็นกลิ่นเหล้า ...
"ฉันรู้สึกผิดมาตลอดเลย เรื่องที่ทำอย่างนี้น่ะ ...ความจริง ฉัน...ฉันขอคุณฮันซี่กลับมาที่นี่อีกครั้งในฐานะทหาร แต่คุณฮันซี่..นั่นแหละค่ะ" หญิงสาวเชิดหน้า พยายามทำเสียงแช่มชื่น
"ไม่อนุญาต แต่ฉันพร้อมที่จะรับใช้มนุษยชาติจริงๆนะ"
นั่นไง...เขาว่าแล้ว
"นี่ ยัยผมบลอนด์ ท่าทางเธอจะคิดล่ะสิว่า ตัวเองดูดีเป็นแม่พระผู้อุทิศตนเพื่อมนุษยชาติ หรือเป็นทหารที่แข็งแกร่งที่สุด จะบอกอะไรให้นะทหารที่แข็งแกร่งที่สุดยืนอยู่ตรงนี้ ฉันพนันได้จากทุกอย่างว่า เธอจะต้องเอาชีวิตไปทิ้งแน่นอน ที่หลังกำแพงโน่นน่ะ ทั้งฉันทั้งลูกหน่วยของฮันซี่อาจจะไม่มีใครบ่นว่าเธอลับหลังก็จริงเพราะพวกเขาจะลืมเรื่องเธอหลังจากผ่านไปได้ไม่นาน แต่คนที่จะแค้นเธอก็คือเด็กนั่นต่างหาก ถ้ายังพอมีสมองก็ออกไปจากที่นี่ซะแม่คนตาขาว"
เขารู้แล้วว่าทำไมฮันซี่ถึงเรียกเขามา ไม่ใช่แค่มีรีไวล์อีกคน แต่เพราะคำขอร้องโง่ๆของผู้หญิงคนนี้ต่างหาก
ท่าทางฮันซี่จะขาดความกล้าที่ต้องพูดจาผรุสวาทลูกน้องที่เคยใกล้ชิด จนต้องโยนหน้าที่นี้มาให้แก่เขา
ร้ายนักนะ ยัยแว่น
สาวผมบลอนด์ผงะไปเมื่อเขาพูดจบประโยค ราวกับว่าโดนค้อนที่มองไม่เห็นตีเข้าที่หัว ก่อนจะบิดเบี้ยวกลายเป็นสีหน้าเจ็บปวดชัดเจน น้ำตาแตกออกมาราวกับท่อระบายน้ำที่พังแล้ว ปากเธออ้าๆหุบๆ โดยไม่มีคำพูดใดๆเล็ดลอดออกมา
เรียบร้อย ถ้านั่นทำให้เธอกลับไปเลี้ยงลูกชายได้ รีไวล์ไม่สนใจหรอกว่าจะทำร้ายจิตใจเธอมากแค่ไหน ในการที่บอกว่า การเสียสละของเธอแทบไม่มีค่าอะไรเลย
"ก็อย่างที่พูดนั่นแหละ ลิซซี่ เข้าใจตรงกันก็ดีแล้วนะ..เฮ้ย "
ฮันซี่โผล่มาจากด้านหลังของรีไวล์เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ สาวผมบลอนด์กระแทกเข้าที่อกฮันซี่แล้วฉวยเด็กทารกก่อนจะวิ่ง
ออกไปทางประตูรั้วที่เปิดอยู่ พวกเขาไม่แม้แต่จะเรียกให้เธอกลับมา
ฮันซี่ถอนหายใจเฮือก แล้วมัดผมกลับขึ้นไปเป็นหางม้าตามเดิม ท่าทางดูโมโหอยู่พอสมควร
"สมควรโดนแล้ว เขาดื้อมากเลย! เขาตามตื้อฉัน เขามันยัยโง่!!! ฉันไม่กล้าดุว่าเขาแบบที่รู้ว่านายคงทำ เพราะเขาเป็นคนที่ฉันสนิทด้วยสมัยที่ฉันยังเด็ก เขาอ่อนโยนกับฉันมากกก เลยแต่ไม่ยักรู้ว่าจะงี่เง่าขนาดนี้! ต่อยเขาด้วยวาทะคมๆของนายเลย!! รีไวล์"
หญิงสาวทำท่าชกอากาศ ฮุคซ้าย และฮุคขวา
"เข้าใจใช้คนดีนี่" เขาพูด "ฉันต้องรับบทเป็นผู้ร้ายอยู่เรื่อยคราวที่แล้วก็ไอ้ซาดิสม์ คราวนี้ก็เป็นไอ้หน้าตัวเมียรึ"
"ก็ไม่รู้สินะ ไอ้นั่นมันแล้วแต่นายจะคิด นายจะคิดว่าตัวเองเป็นไอ้หน้าตัวเมีย หรือ เป็นคนที่ช่วยรีไวล์น้อยให้รอดจากการเป็นเด็กกำพร้า ก็แล้วแต่นาย"
แล้วก็เงียบกันไปครู่นึง ฮันซี่มองสมาชิกในหน่วยกำลังเรียกกันไปทานอาหารเย็น
"สามีเขาตาย ลิซซี่น่ะ เห็นว่ามีเรื่องทะเลาะกันกับพวกสารวัตรทหาร เลยโดนฆ่าตาย" ฮันซี่พูด "เขาควบคุมตัวเอง
ไม่ได้ และฉันก็ใจอ่อนกับเขาเกินไป เขาคงรู้ว่าถ้าพาลูกมา ฉันปฏิเสธเขาแน่ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น แบบนี้ไง ถึงปล่อยเข้ามาไม่่ได้"
"แล้วเธอมั่นใจได้ยังไงว่า หลังจากโดนปฏิเสธไป ยัยนั่นจะไม่ทำเรื่องร้ายกาจ"
"ร้ายกาจยังไง" ฮันซี่เอียงคอ
"ฆ่าตัวตายยังไงล่ะ เพราะจนปัญญาไง"
เกล่อไป รีไวล์คิด เขาเห็นหญิงจรจัดฆ่าตัวตาย หรือทิ้งตัวเองให้อดตายริมถนนมามากพอดู
"ไม่หรอก เขาจะไปทำไร่กับฟาร์มของพ่อแม่เขา เขาไม่ใช่คนที่อ่อนแอขนาดนั้น พ่อแม่ของลิซซี่ต้องดีใจที่ได้ลูกสาว
และหลานกลับไปแน่"
อีกแล้ว ที่ฮันซี่แสดงความเหนือกว่าเรื่องการใช้ชีวิตกับเขา แต่แล้วเธอก็ครุ่นคิด "พวกเค้าเคยทะเลาะกันตอนที่ลิซซี่เลือกเข้ามาประจำทีมสำรวจเหมือนกันนะ แต่ เอ พวกเขาน่าจะหายโกรธกันได้แล้วล่ะ ถ้าลิซซี่กลับบ้านโดยมีหัวติดกับตัวครบ 32 แถมลูกด้วยนี่..เออ จะว่าไปแล้ว.."
เขาลอบมองฮันซี่ที่เอาแต่คิดเรื่องของสองแม่ลูกนั้น เหมือนกับว่าเขาไม่เคยมองหญิงสาวมาก่อน
ดูเหมือนฮันซี่จะรู้ว่าเขามองอยู่ เธอก็ยิ้มตอบกลับมาพลางกระโดดขึ้นยืนอีกครั้ง "เราคงต้องไปกินข้าวได้แล้วล่ะนะ"
บางที เขาอาจจะเริ่มคิด ถึงเรื่องต่างๆ หากวันที่ไม่มีไททั่นมาถึงบ้าง
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น